เทศน์เช้า วันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรม ฟังธรรม สัจธรรม เพราะเป็นสิ่งที่แสวงหา เป็นสิ่งที่ต้องการของชาวโลก ชาวโลกต้องการมาก แต่ชาวโลก เห็นไหม ในมงคลชีวิต เกิดในประเทศอันสมควร เกิดในประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา
เกิดในประเทศที่นับถือลัทธิศาสนาใดเขาก็พยายามแสวงหาความเป็นจริงในศาสนาเขา ถ้าความเป็นจริงในศาสนาเขา เวลาพูดไปโดยความเป็นจริง ทุกศาสนาก็สอนให้ทำความสงบ ทำสมาธิทั้งนั้น สมาธิขึ้นมาแล้ว ในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามันมีมิจฉาสมาธิกับสัมมาสมาธิ มิจฉาสมาธิคือติดในสมาธินั้น หรือทำมาธิแล้วก็เข้าใจว่าตัวเองเป็นสมาธิ
ถ้าเป็นสัมมาสมาธิ สัมมาสมาธิเป็นสากล สัมมาสมาธิ จิตเป็นหนึ่ง จิตไม่พาดพิงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น คำว่า “ไม่พาดพิงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น”
แล้วเวลาเข้าไปเป็นว่างๆ ว่างๆ มันพาดพิงอารมณ์หรือไม่ มันไม่ใช่พาดพิงอารมณ์หรอก มันอารมณ์ทั้งตัวเลย มันสร้างอารมณ์ว่าว่าง แต่มันไม่ใช่ความว่าง ถ้าเป็นความว่าง
จิตนี้มันไม่พาดพิงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น จิตนี้เป็นอิสระ แต่มีสติสัมปชัญญะพร้อม ถ้ามีสติสัมปชัญญะพร้อม ยกขึ้นวิปัสสนาได้ ถ้าคนที่ยกขึ้นวิปัสสนาได้ เวลาครูบาอาจารย์ในสายกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ท่านเทศน์มาตั้งแต่เริ่มต้น
ทำสมถะแล้วยกขึ้นสู่วิปัสสนา สมถะยกขึ้นวิปัสสนา มันเป็นนกแก้วนกขุนทอง พูดกันปากเปียกปากแฉะ แต่มันไม่รู้จักสมถะเป็นอย่างไร วิปัสสนาเป็นอย่างไร สิ่งที่มันเป็นจริงๆ เป็นจินตนาการทั้งนั้นน่ะ
มนุษย์ มนุษย์เป็นผู้ที่มีอีโก้ สิทธิเสรีภาพของความเป็นมนุษย์ ต้องเคารพความเป็นมนุษย์ แล้วมนุษย์มันก็มีทิฏฐิมานะของมัน มนุษย์มันก็คิดประสามัน มนุษย์อ่อนด้อย มนุษย์เด็กน้อย มันก็คิดธรรมะประสามัน ธรรมะประสามัน เห้นไหม เกิดมาแล้วพ่อแม่ต้องคุ้มครองดูแล พ่อแม่ต้องให้ทั้งนั้น เรียกร้องสิทธิ์เอาจากพ่อแม่ทั้งหมด
มนุษย์ที่เกิดมาด้วยความทุกข์ความยาก มนุษย์เกิดมาโดยพ่อแม่ที่ไม่สมบูรณ์ เขาก็ช่วยพ่อแม่เขาทำมาหากิน ช่วยพ่อแม่ทำงาน มนุษย์ที่เกิดมาทุกข์ๆ ยากๆ เขาก็พยายามขวนขวายของเขา นี่ความเป็นมนุษย์ๆ ไง ความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพความเป็นมนุษย์ทำร้ายกันไม่ได้ ฆ่าแกงกันไม่ได้ มีสมบัติคุ้มครองไง แต่เวลามันทุกข์มันยากขึ้นมาในหัวใจ อะไรจะไปคุ้มครองมัน ถ้าคุ้มครองมัน ดูสิ เด็กที่มันมีสติปัญญาของมัน เด็กที่มันมีจุดยืนของมัน มันก็ได้สร้างสมของมันมา
ดูสิ พระโพธิสัตว์เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เวลาพระโพธิสัตว์แต่ละภพแต่ละชาติ เวลาบางภพบางชาติเกิดมาเป็นจักรพรรดิ บางภพบางชาติเกิดมาเป็นสัตว์ เป็นต่างๆ บางภพบางชาติ แต่ทุกภพทุกชาติเขาก็พยายามสร้างความดีของเขา เพราะจิตใจของเขามีคุณงามความดี จิตใจมันพื้นฐานเป็นความดีไงมี
พระโพธิสัตว์ เวลาถ้าใกล้พระโพธิสัตว์ ใกล้อำนาจวาสนามากขึ้น เขาทำความสงบของใจของเขา เขาจะเกิดฌาน เขาจะเกิดอภิญญา แล้วถ้ายิ่งใกล้ชิดขึ้น เวลาเขาทายทัก เขาช่วยเหลือสังคม มันจะมีจุดยืนที่หนักแน่นมากขึ้น พระโพธิสัตว์ที่เริ่มต้น อย่างเรา เราปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ มีแต่แรงปรารถนา อยากจะช่วยเหลือคนมันก็ทุกข์ๆ ยากๆ เพราะเรายังช่วยตัวของเราเองไม่ได้ เราจะไปช่วยใคร แล้วเราจะช่วยใคร เราช่วยใคร ก็คนเสมอกันช่วยกัน มันก็แบกหามกันไป พระโพธิสัตว์มันมีระดับของมันมหาศาลเลย ตั้งแต่เริ่มต้นตั้งใจว่าจะเป็นพระโพธิสัตว์ แล้วตั้งใจเป็นพระโพธิสัตว์แล้วมันมากน้อยแค่ไหน แล้วตั้งตนเป็นพระโพธิสัตว์
ดูสิ ขนาดหลวงปู่มั่นก็ปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ ท่านยังลา ยังละความปรารถนาอันนั้นได้ เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดยังไม่พยากรณ์ ถ้าพยากรณ์แล้วกลับอีกไม่ได้
เวลาหลวงปู่มั่นท่านไปแก้ครูบาศรีวิชัย เวลาครูบาศรีวิชัยท่านปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ พอปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ขึ้นมา พอปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ต้องสร้างคุณงามความดี สร้างคุณงามความดีขึ้นมา ในหมู่สงฆ์ก็ไม่พอใจ ดีเกินไป พอดีเกินไปก็มีการใส่ไคล้
หลวงปู่มั่นนี่แหละไปพูดกับท่าน บอกว่าให้ลาพระโพธิสัตว์นั้น แล้วมาประพฤติปฏิบัติเหมือนเราดีกว่า ให้มันสิ้นไป
ท่านบอกว่า เราไม่เป็นอิสระกับตัวเราเองแล้ว นี่ครูบาศรีวิชัยท่านพูดอย่างนั้น
นี่ไง คนมีปัญญากับคนมีปัญญาเขาพูดกันนะ เราไม่เป็นอิสระกับตัวเราเองแล้ว นั่นน่ะ หลวงปู่มั่นท่านก็รู้ว่ามันกลับไม่ได้ ก็ต้องสร้างสมบุญญาธิการไป แล้วทำอย่างไรต่อ ก็ยังต้องเกิดต้องตายไปอีกมหาศาล ยังต้องเกิดต้องตายไปอีกมหาศาลตั้งมากมาย แต่ก็สร้างคุณงามความดี เวลาสร้างคุณงามความดี คนมีบุญมาเกิดหนหนึ่งคราวหนึ่งก็มาพัฒนา มาฟื้นฟูศาสนา มาฟื้นฟูความมั่นคงให้ชัดเจนขึ้นมา นี่เวลาคนมีบุญขึ้นมา เราเกิดร่วมกับคนมีบุญ คนมีบุญทำให้สังคมร่มเย็นเป็นสุข ถ้าสังคมร่มเย็นเป็นสุข
ดูสิ ในทางการธุรกิจ ต้นทุนก็คือการเมืองที่นิ่ง การเมืองที่นิ่ง การเมืองที่สงบ นั่นน่ะเป็นต้นทุนของธุรกิจ นี่ไง ถ้ามันมีการขัดแย้ง มีการกระทบกระเทือนกัน มันจะไปทำธุรกิจอะไรกัน นี่ไง แล้วเราเกิดกับบุคคลที่มีอำนาจวาสนา บุคคลที่ทำให้สังคมร่มเย็นเป็นสุข บุคคลที่ทำให้สังคมมันน่าอยู่อาศัย มันมีบุญไหม แต่เราไม่เห็น ไม่ได้แจกแบงก์ ถ้าแจกแบงก์ คนนั้นเป็นคนดี
เราทำคุณงามความดีกัน ความปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ ถ้าความปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ เขาก็ปรารถนาของเขาไป โดยมนุษย์ ระดับของทาน ทาน ศีล ภาวนา เขายังไม่ถือศีลเลย ถ้าถือศีลขึ้นมา เขาต้องซื่อสัตย์กับเขา
ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ใดถ้ายังโกหกมดเท็จอยู่ จะทำความชั่วอย่างอื่นมากกว่านี้ไม่มีอีกเลย ทำได้ทั้งนั้น ลองมันได้โกหกมดเท็จ มุสาได้ มันทำได้ทั้งนั้นน่ะ คนเราลองได้โกหก เวลามันโกหกมันก็ปลิ้นปล้อน ปลิ้นปล้อนมันก็หลอกลวง ปลิ้นปล้อนมันก็เที่ยวทำลายเขา ทำลายเขาเพื่ออะไร ทำลายเขาเพื่อกูเด่นไง ทำลายเขาเพื่อกูดีไง เที่ยวทำลายเขาๆ นี่มันปลิ้นปล้อน
แต่ถ้าเป็นพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์สร้างคุณงามความดีที่มีบุญมหาศาล เห็นไหม ท่านซื่อสัตย์ คำว่า “ซื่อสัตย์” เวลาเราอยู่กับครูบาอาจารย์มา ครูบาอาจารย์ของเราเวลาตั้งสัจจะ ถ้าคืนนี้นั่งตลอดรุ่งแล้วต้องนั่งตลอดรุ่ง มันจะเจ็บปวดขนาดไหน มันจะเหมือนกับเอาฟืนเอาไฟมาเผากระดูกทุกท่อน ท่านก็มีสัจจะของท่าน เพราะความมีสัจจะอันนั้น คนเราเวลาจนตรอกขึ้นมา ดูสิ เวลาไฟไหม้ ทุกคนแบกหามของหนักๆ ได้ทั้งนั้นเลย เวลาตำรวจจะจับคนเล่นการพนัน มันวิ่งได้กระโดดโลดเต้นเลย นี่มันเพราะอะไรล่ะ เพราะถึงเวลาแล้ว
นี่ก็เหมือนกัน เวลาตั้งสัจจะขึ้นมา มันเหมือนฟืนเหมือนไฟเผากระดูกทุกท่อน มันจนมุม มันก็ต้องสู้เต็มที่ เวลาจิตมันปล่อย มันก็มีอาการอย่างนั้นน่ะ เวลามันปล่อยขึ้นมา พลังงานมันเกิดจากจิต จิตนี้มีพลังงานมาก แต่ที่มันไม่มีพลังงานอยู่กับพวกเราก็เพราะมารยาสาไถยไง มารยาสาไถย โป้ปดมดเท็จ มันจะเอาความจริงมาจากไหน แต่ถ้าเวลาเป็นความจริงของมันนะ โดยธรรมชาติของมันนั่นน่ะพุทธะ เวลาจิตผู้สงบแล้ว สงบระงับที่เป็นสัมมาสมาธิขึ้นมามันจะมีกำลังมหาศาล
สิ่งที่มีคุณค่าที่สุดคือหัวใจของสัตว์โลก หลวงตาท่านจะไปไหน ท่านบอกเลย เป้าหมายคือไปเอาหัวใจของคน แต่การจะเอาหัวใจของคน หัวใจที่เป็นนามธรรม มันจะไปควักมาจากหัวใจได้อย่างไร มันก็ต้องเริ่มต้นจากอนุปุพพิกถา ทาน ศีล ภาวนา การเข้ามา การมีศรัทธามีความเชื่อ มีศรัทธามีความเชื่อแล้วเราไปคนคว้า อย่าเชื่อแม้แต่อาจารย์ของตนพูด
เวลามีความเชื่อ มีความเชื่อก็ไปค้นคว้า อย่าเชื่อแม้แต่อาจารย์ของตนพูด ต้องพิจารณาดูก่อน ธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุๆ ที่ท่านทำอย่างนั้นถูกต้องหรือไม่ ถ้าต้นมันคด ปลายมันจะตรงได้อย่างไร เริ่มต้นมันก็หลงทาง เริ่มต้นก็บิดเบี้ยว แล้วบอกมีเป้าหมายๆ เป้าหมายอะไร เป้าหมายเข้าไปวังวนในชีวิตใช่ไหม
อย่าเชื่อแม้แต่อาจารย์ของตน ต้องพิสูจน์ๆ ไง พิสูจน์ ให้เชื่อผลของการประพฤติปฏิบัติ มันเป็นความจริงหรือไม่ เรามีความทุกข์ความยากหรือไม่ ความทุกข์ความยากของเรา เรามีสติสัมปชัญญะควบคุมดูแลแล้ว ความทุกข์ความยากมันหยุดหรือไม่ สิ่งที่ฟุ้งซ่านๆ ไป สิ่งที่มันกัดกร่อนหัวใจเรานี่ เราได้สามารถเติมเต็มได้ไหม ถ้าเราสามารถเติมเต็มของเราได้ มันก็พัฒนาเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นมา ถ้าเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นมา จะยกขึ้นวิปัสสนา จะให้รู้จักกิเลสของตน
จะฆ่ากิเลสอย่างไร จะทำอย่างไรนะ มันก็ไปจำก็อปปี้มาไง ก็อปปี้มามันก็ไปเซเว่นไง จะซื้ออะไรก็เข้าเซเว่นก็ซื้อออกมาไง นี่ไง ธรรมะสำเร็จรูปไง นิพพานกดปุ่ม นอนหลับตื่นขึ้นมา พระอรหันต์เลย มันเป็นอย่างนั้นไหม นิพพานกดปุ่มหรือ
ถ้าเป็นความจริงๆ ธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ชี้ทางเท่านั้น ถ้าเป็นผู้ชี้ทางเท่านั้นนะ เราจะเริ่มค้นคว้า เราต้องค้นคว้าหาหัวใจของเราก่อน
เวลาเราเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เราไม่รู้หรอก แม่ไม่บอก ไม่รู้ว่าตกฟาก ตกฟาก แม่ต้องบอก นี่ไง เวลาเกิดมา เกิดมายังช่วยตัวเองไม่ได้เลย สิ่งที่เรายังช่วยตัวเองไม่ได้ เราต้องอาศัยพ่ออาศัยแม่ตลอด นี่เกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนาไง ก็เชื่อในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ศึกษาค้นคว้ามา มีครูบาอาจารย์คอยดูแลมาไง แล้วของเราล่ะ นี่ไง เกิดมาตกฟากยังไม่รู้เลยถ้าพ่อแม่ไม่บอก
นี่ก็เหมือนกัน จิตมึงอยู่ไหน หัวใจที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะอยู่ที่ไหน ถ้าหัวใจเวียนว่าย ตายเกิด ยังค้นหาหัวใจของตนไม่เจอ ถ้าทำสัมมาสมาธิไม่ได้จะไปภาวนาอะไรกัน สิ่งที่ภาวนาๆ เขาก็ต้องค้นคว้าหาหัวใจของตนให้เจอก่อน นี่ไม่เคยเจอหัวใจของตนเลย เจอแต่อารมณ์ เจอแต่ความรู้สึก เจอแต่สิ่งที่ศึกษามา นี่ไง กดปุ่มเลย อริยสัจ สติปัฏฐาน ๔...ขี้โม้ทั้งนั้น
ถ้ามันเป็นสัจจะเป็นความจริงนะ มันเป็นสัจจะเป็นความจริงมันก็เหมือนกัน เหมือนกับธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ การศึกษาค้นคว้าๆ คนเราจะเริ่มเดินทางเขาต้องมีแผนที่ คำว่า “แผนที่” นั้นก็ศึกษาให้มันเข้าใจ ถ้าเข้าใจแล้ว กางแผนที่ไปตลอด กางแผนที่ไปตลอดแล้วลงไปในพื้นที่หรือไม่ ลงไปพื้นที่อยู่ที่ไหน หัวใจอยู่ที่ไหน หาหัวใจของตนไม่เจอมันจะภาวนาอะไร มันไม่ภาวนามันก็กางแผนที่ เราก็เป็นชมรมรักษาแผนที่ประวัติศาสตร์ชาติไทย แล้วก็มากางแผนที่เถียงกันอยู่นี่ อ้าว! ของเราอันดับ ๑ ขึ้นบอร์ดก่อน แล้วอธิบายก่อน จบแล้ว คนที่ ๒ อธิบายต่อ นี่ไง ปริยัติ ปริยัติก็ศึกษามาๆ ไง แต่ถ้าปฏิบัติ พื้นที่ก็คือพื้นที่
ถ้าทำความสงบไม่ได้ เวลาหลวงตาท่านพูด เราฟังมันก็สะเทือนใจไง แม้แต่สมาธิมันยังทำกันไม่เป็น เวลาพูดคำนี้มันเหมือนตัดทอนเลยนะ แม้แต่สมาธิมันยังทำไม่เป็น มันจะไปภาวนาอะไรกัน แต่เวลาใครมาถามปัญหา อู๋ย! ตอบชัดเจนเลย ชัดๆๆ เลย เอาใจเขา เพราะมันเป็นจินตนาการทั้งนั้นน่ะ มันเป็นตรรกะที่เขารู้ได้แค่นั้นน่ะ แล้วความสงบของใจก็ยังรู้ไม่ได้ ถ้ายังรู้ไม่ได้นะ สมาธิมันยังทำไม่เป็น มันจะไปภาวนาอะไรกัน
นี่หลวงตาเวลาท่านพูดเหมือนผู้ใหญ่ที่ท่านพูดแบบปลงธรรมสังเวช มันสังเวช แม้แต่สมาธิมันยังทำกันไม่เป็นเลย แล้วมันจะไปภาวนาอะไรกัน
แต่เวลาไอ้พวกมืดบอด ไอ้พวกโป้ปดมดเท็จ “สมาธิไม่ต้องทำ เราใช้ปัญญาไปเลย เดี๋ยวสมาธิมันจะมาเอง สมาธิมันจะมาพร้อมกับปัญญานั่นน่ะ”
ต้นคด ปัญญาอะไรของมึง ปัญญาขี้โกง สมาธิมาก็มาโกงๆ ไง เพราะมึงโกงตั้งแต่เริ่มต้นไง แล้วบอกสมาธิมันจะมาเองไง ก็มาพร้อมกับพวกขี้โกงกูล่ะ เพราะกูขี้โกง มิจฉา
แต่ถ้ามันเป็นความจริงๆ ครูบาอาจารย์ของเรา เวลาความซื่อสัตย์ ทาน เราก็ได้มาด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ของเรา เราก็ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงนะ เราต้องทำหน้าที่การงานนะ เราถึงได้ผลตอบแทนนี้มา ผลตอบแทนนี้ด้วยหัวใจที่สูงส่ง เราจะคิดเสียสละของเราเพื่อประโยชน์กับหัวใจของเรา เพื่อประโยชน์หัวใจของเรานะ
ของของเรา ใครไม่หวงไม่แหน ของของเรา ทุกคนก็ต้องหวงต้องแหน ของของเรา คนต้องมีสติมีปัญญาถึงจะรักษาสมบัติของตนได้ ครอบครัวใดจะมั่นคงแข็งแรงขึ้นมาต้องรู้จักประหยัดมัธยัสถ์ ต้องรู้จักซ่อมแซมดูแลรักษาทรัพย์ของตน ถ้าไม่รู้จักดูแลรักษาทรัพย์ของตน มันจะรู้จักเก็บสะสมทรัพย์ของตนขึ้นมาให้มั่นคงขึ้นมาได้อย่างใด
คนที่มีปัญญาเขาเก็บสะสมของเขา ดูแลทรัพย์ของเขา เขามาด้วยความถูกต้องดีงาม แต่ด้วยหัวใจที่สูงส่ง สิ่งที่มีคุณค่าๆ เราก็จะเสียสละของเรา เสียสละเพื่ออะไร เพราะความตระหนี่ถี่เหนียวในหัวใจมันมีของมันอยู่แล้ว กิเลสตัณหาความทะยานอยากของเรามันมีอยู่แล้ว เราก็อาศัยการเสียสละนั้นเพื่อบรรเทามันๆ การบรรเทานั้นด้วยการกระทำบ่อยๆ ขึ้น นี่ไง มันเกิดอำนาจวาสนาบารมี การที่เกิดอำนาจวาสนาบารมีมันตรงไหน ตรงที่ว่าเราเสียสละไปแล้ว ถ้าเรารู้ว่ามันเป็นบุญเป็นกุศล มันเป็นประโยชน์ เราจะมีความอบอุ่น นั่นคือบุญ
บุญคือความอบอุ่น คือความสุขของใจ ใจที่มันได้บุญกุศลอันนั้น แล้วถ้าทำต่อเนื่องไปๆ มันก็จะจืดชืด ถ้าทำต่อเนื่องไปมันจะเกิดอะไรขึ้นมาล่ะ ทำต่อเนื่องมันจะเอาอะไรไป อ้าว! ก็ทานแล้วไง ก็รักษาความปกติของใจไง ถ้าจิตมันสงบแล้ว ถ้ามันรักษา มีศีลเป็นความปกติของใจแล้ว ก็ทำสิ่งที่เป็นปกติให้มันลงสู่สัมมาสมาธิ ให้มันลงสู่จิตเดิมแท้ ให้มันลงสู่ฐีติจิต ฐีติจิต จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เราจะแก้ไข เราต้องไปแก้ไขกันที่จิตนั้น ถ้าจิตมันสงบแล้ว ถ้าคนที่มีอำนาจวาสนาเขาจะยกขึ้นสู่วิปัสสนา วิปัสสนาคือวิธีการรู้แจ้งจิตของตน
จิตของตนมันมีอวิชชา มีความไม่เข้าใจ มีความมัวหมอง มีสิ่งต่างๆ ปกคลุมหัวใจของมัน ถ้ามันเห็นที่จิตของมันยกขึ้นสู่วิปัสสนา มันเริ่มแก้ไข ใช้สติใช้ปัญญา นี่วิปัสสนาในอะไร วิปัสสนาในสติปัฏฐาน ๔ ถ้าจิตสงบแล้ว เห็นกาย เห็นเวทนา เห็นจิต เห็นธรรมตามความเป็นจริง คนที่รู้จริงเห็นจริง มันจะกระเทือนกิเลส กระเทือนกิเลสก็คือมันเห็นกิเลส
ไอ้พวกนักปฏิบัติมันบอกว่า กิเลสเป็นนามธรรมนะ จะไปเห็นมันได้อย่างไร
ถ้าจะไปเห็นได้อย่างไร แสดงว่าภาวนาไม่เป็น ไม่เคยเห็นกิเลส คนไปโรงพยาบาลแล้ววินิจฉัยโรคไม่ได้ มันจะไปรักษาอะไร คนไปโรงพยาบาล หมอเขาต้องวินิจฉัยโรคได้ว่าคนคนนั้นเป็นโรคภัยไข้เจ็บสิ่งใด ควรรักษาด้วยวิธีการใด
คนเหมือนกัน ถ้าไม่เป็น ไปโรงพยาบาลมีแต่โรงพยาบาลเปล่าๆ ไม่มีหมอ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น ไม่มีอะไรเลย แล้วไปทำไมโรงพยาบาล อ้าว! ก็ไปว่าได้ชื่อว่าไปโรงพยาบาลไง แล้วก็ไปเซเว่นไง กดนิพพานกดปุ่มไง ไอ้พวกโกหกมดเท็จ
แต่ความจริงๆ มาวัดๆ มาฟังธรรมของเราอย่างนี้ มันจะทุกข์มันจะยากนะ คำว่า “มันจะทุกข์มันจะยาก” หมายถึงว่า เราไปวัดที่ประพฤติปฏิบัติตามความเป็นจริง มันต้องเกิดขึ้นมาจากความเป็นจริง เกิดขึ้นมาจากการประหยัดมัธยัสถ์ การรักษาดูแล การพัฒนาหัวใจของเราให้ขึ้นมาเป็นชั้นเป็นตอน ถ้าเป็นชั้นเป็นตอน ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต
หลวงปู่มั่น หลวงตา ท่านเคารพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามหาศาล ท่านเคารพจากจิตใต้สำนึก ท่านเคารพจากความเป็นจริงในใจ ไม่ใช่เคารพจากปาก ไม่ใช่เคารพแบบเชื่อตามกันไป ถ้ามันเคารพจากอันนั้น มันเกิดจากอะไร เกิดจากสัจจะความจริงในใจอันนั้นไง แล้วสัจจะความจริงในใจอันนั้นมันอยู่ที่ไหน มันก็อยู่ที่ชีวิตเรานี่ไง มันอยู่ที่กลางหัวอกนี่ไง มันอยู่ที่สุขที่ทุกข์นี่ไง แล้วถ้าเรามีสติมีปัญญา เราก็ศึกษา เราก็ดัดแปลงแก้ไข มีการกระทำให้หัวใจของเราให้มันเป็นสัจจะความจริง
ถ้าเป็นสัจจะความเป็นจริงนะ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นจะเห็นตถาคต ถ้าจิตสงบเราจะเห็นพุทธะ ถ้าจิตมันขึ้นสู่วิปัสสนา มันจะเกิดมรรค เกิดมรรคคือ ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้ามันพิจารณาของมันเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นไปมันจะเกิดผล เห็นไหม บุคคล ๔ คู่ หัวใจของเราเป็นได้หลากหลายนัก หัวใจของเรามันจะพัฒนาขึ้นเป็นชั้นเป็นตอนก็ได้ ด้วยสัจจะด้วยความจริง ด้วยอำนาจวาสนาบารมี ด้วยความเพียรของเรา เอวัง